วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

บุญเป็นสิ่งที่ควรสร้าง ทานเป็นสิ่งที่ควรสะสม

อานิสงส์ที่เกิดจากการทำบุญด้วยทรัพย์น้อยแต่ได้บุญมาก

นายติณบาล


ในอตีเต กาเล ในสมัยครั้งพุทธกาล นายติณบาลฯ เป็นคนยากจนอาสาเป็นลูกจ้างทำสวนหญ้าให้เศรษฐีทำหน้าที่ตัดหญ้าที่บริเวณ บ้านเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่ง เขาคิดว่า เรานี้เป็นคนยากจน เพราะไม่เคยทำบุญใดไว้ในชาติก่อนเลย เกิดมาชาตินี้จึงเป็นคนรับใช้ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวแม้แต่น้อย เมื่อเขาคิดดังนี้แล้ว เขาจึงแบ่งอาหารที่ได้รับจากการรับจ้างแต่ละเดือนออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้ถวายแก่พระสงค์ที่บิณฑบาต อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้บริโภคเอง อยู่ต่อมาพอถึงเทศการออกพรรษา เหล่าชนผู้มีศัทธาต่างพากันทำบุญทอดกฐินเป็นการใหญ่ แม้เศรษฐีผู้เป็นนายเขาก็เตรียมการจะทอดกฐินเช่นกัน จึงได้ประกาศให้สาธารณะชนทราบทั่วไป เมื่อนายติณบาลฯได้ยินการประกาศ ก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นในใจทันที คิดในใจว่ากฐินนี้แหละจะเป็นทานอันประเสริฐ จึงเข้าไปพูดกับเศรษฐีผู้เป็นนายว่า อยากจะร่วมอนุโมทนากฐินทานครั้งนี้ด้วย แต่ตัวเองไม่มีเงินติดตัวเลย จึงคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาได้เปลื้อง (ถอด) ผ้านุ่งของตนออกทำความสะอาดแล้วพับอย่างดี ส่วนตัวเองนำเอาใบไม้มาเย็บนุ่งแทนผ้าแล้วนำผ้าฯ เที่ยวเร่ขายไปตามร้านตลาด หมู่ชนเห็นเขานุ่งใบไม้ก็พากันหัวเราะต่าง ๆ นา ๆ

       นายติณบาลจึงชูมือขึ้นกล่าวว่า
" พวกท่านทั้งหลายจงหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าฯ ยากจน ไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าเราจะนุ่งผ้าอันเป็นทิพย์"

 เขาขายผ้าได้ห้ามาสก (1 บาทของเราในปัจจุบัน) แล้วนำเงินดังกล่าวมาร่วมอนุโมทนาทอดกฐินกับเศรษฐีผู้เป็นนาย นายติณบาลได้มาปรึกษากับ ท่านเศรษฐีได้บอกว่าให้เอาเงินมาซื้อเข็มกับด้าย แล้วเอามาเย็บผ้ากฐิน ร่วมบุญกับท่านเศรษฐี
ขณะนั้นได้เกิดการโกลาหลทั่วไปในหมู่ชนตลอดถึงเทวดาในชั้นฉกามาวจรสวรรค์

การกระทำของนายติณบาล ทำให้ท้าวสักกะได้ลงมาที่บ้านนายติณบาล มีจิตเลื่อมใสของการกระทำนายติณบาล ได้ให้พร 4 ประการ นายติณบาลขอพรว่า
1.ขออย่าให้ข่มเขงสตรี ทั้งกาย วาจา ใจ
2.ขออย่าได้ตระหนี่ในการทำทาน
3.ขออย่าได้มีคนพาลเป็นมิตร
4.ขอให้ได้ภรรยาที่ดีมีศีล มีธรรม
ท้าว สักกะถามว่าทำไมไม่ขอทรัพย์ ในเมื่อเธอเป็นคนยากจน นายติณบาลกล่าวว่า การได้เป็นคนดีมีคนรอบข้างเป็นคนดี นับว่าเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ท้าวสักกะจึงอนุโมทนา

ข่าวการกระทำนายติณบาล ล่วงรูไปถึงพระกรรณของพระเจ้าพาราณสี
จึงรับสั่งให้นายติณบาลเข้าเฝ้า แต่เขาไม่ยอมเข้าเฝ้าเพราะละอาย จึงได้ตรัสถามความเป็นไปของเขาโดยตลอดแล้ว  ทรงให้ราชบุรุษนำผ้าสาฎกราคาแสนตำลึงไปพระราชทานแก่เขา นอกจากนั้นได้พระราชทานบ้านเรือนและทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก  แล้วโปรดให้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีในเมืองพาราณสี มีชื่อว่า ท่านติณบาลเศรษฐี นายติณบาลจึงเป็นเศรษฐีด้วยผลบุญปัจจุปัน

เมื่อถึงเวลาละโลก เขาได้ระลึกถึงการกระทำอันยิ่งใหญ่ภาพแห่งโดยเฉพาะบุญที่ได้ร่วมทอดกฐิน คตินิมิตก็ใสสว่าง บริวารได้มาเข้าแถวรอรับกันมามากมาย เทวรถได้มารอรับได้บังเกิดขึ้น สวรรค์ภพ ดาวดึงส์

ติณบาลมีฐานะร่ำรวยอย่างไม่มีใครคาดคิด บั้นปลายของชีวิตเขาได้รับตำแหน่งเป็นเศรษฐีอยู่จนมีอายุขัย ก็ถึงแก่กรรมไปเกิดเป็นเทพบุตรในชั้นดาวดึงส์สวรรค์ เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานแก้วสูงได้ห้าโยชน์ มีนางอัปสรหนึ่งพันแวดล้อมเป็นบริวาร

(ทำบุญด้วยความเลื่อมใสมาก ถึงทรัพย์จะมีน้อยก็ได้บุญมาก)

ไม่มีความคิดเห็น: