อานิสงส์ที่เกิดจากการทำบุญด้วยทรัพย์น้อยแต่ได้บุญมาก
นายติณบาล
นายติณบาลจึงชูมือขึ้นกล่าวว่า
" พวกท่านทั้งหลายจงหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าฯ ยากจน ไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าเราจะนุ่งผ้าอันเป็นทิพย์"
เขาขายผ้าได้ห้ามาสก (1 บาทของเราในปัจจุบัน) แล้วนำเงินดังกล่าวมาร่วมอนุโมทนาทอดกฐินกับเศรษฐีผู้เป็นนาย นายติณบาลได้มาปรึกษากับ ท่านเศรษฐีได้บอกว่าให้เอาเงินมาซื้อเข็มกับด้าย แล้วเอามาเย็บผ้ากฐิน ร่วมบุญกับท่านเศรษฐี
ขณะนั้นได้เกิดการโกลาหลทั่วไปในหมู่ชนตลอดถึงเทวดาในชั้นฉกามาวจรสวรรค์
การกระทำของนายติณบาล ทำให้ท้าวสักกะได้ลงมาที่บ้านนายติณบาล มีจิตเลื่อมใสของการกระทำนายติณบาล ได้ให้พร 4 ประการ นายติณบาลขอพรว่า
1.ขออย่าให้ข่มเขงสตรี ทั้งกาย วาจา ใจ
2.ขออย่าได้ตระหนี่ในการทำทาน
3.ขออย่าได้มีคนพาลเป็นมิตร
4.ขอให้ได้ภรรยาที่ดีมีศีล มีธรรม
ท้าว สักกะถามว่าทำไมไม่ขอทรัพย์ ในเมื่อเธอเป็นคนยากจน นายติณบาลกล่าวว่า การได้เป็นคนดีมีคนรอบข้างเป็นคนดี นับว่าเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ท้าวสักกะจึงอนุโมทนา
ข่าวการกระทำนายติณบาล ล่วงรูไปถึงพระกรรณของพระเจ้าพาราณสี
จึงรับสั่งให้นายติณบาลเข้าเฝ้า แต่เขาไม่ยอมเข้าเฝ้าเพราะละอาย จึงได้ตรัสถามความเป็นไปของเขาโดยตลอดแล้ว ทรงให้ราชบุรุษนำผ้าสาฎกราคาแสนตำลึงไปพระราชทานแก่เขา นอกจากนั้นได้พระราชทานบ้านเรือนและทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก แล้วโปรดให้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีในเมืองพาราณสี มีชื่อว่า ท่านติณบาลเศรษฐี นายติณบาลจึงเป็นเศรษฐีด้วยผลบุญปัจจุปัน
เมื่อถึงเวลาละโลก เขาได้ระลึกถึงการกระทำอันยิ่งใหญ่ภาพแห่งโดยเฉพาะบุญที่ได้ร่วมทอดกฐิน คตินิมิตก็ใสสว่าง บริวารได้มาเข้าแถวรอรับกันมามากมาย เทวรถได้มารอรับได้บังเกิดขึ้น สวรรค์ภพ ดาวดึงส์
ติณบาลมีฐานะร่ำรวยอย่างไม่มีใครคาดคิด บั้นปลายของชีวิตเขาได้รับตำแหน่งเป็นเศรษฐีอยู่จนมีอายุขัย ก็ถึงแก่กรรมไปเกิดเป็นเทพบุตรในชั้นดาวดึงส์สวรรค์ เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานแก้วสูงได้ห้าโยชน์ มีนางอัปสรหนึ่งพันแวดล้อมเป็นบริวาร
(ทำบุญด้วยความเลื่อมใสมาก ถึงทรัพย์จะมีน้อยก็ได้บุญมาก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น